การฝึกออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ A-Z
การฝึกออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ A-Z
ตัว A นั้นออกเสียงคล้าย “เอ” ภาษาไทย แต่จะมีลมออกมาจากลำคอมากกว่าของไทย (ท่าถอนหายใจ) คือสระในภาษาอังกฤษทุกตัวจะมีลมมาจุกติดอยู่ที่ลำคอก่อนเปล่งเสียง ผิดกับภาษาไทยที่ปล่อยให้เสียงออกมาแบบไม่ต้องมีลมดัน ลองพูด alien , agent ,aids , ape , บางครั้ง A ก็ เสียง “อะ” เช่น ago , again , alarm
ตัว B ออกเสียงคล้าย “บ ใบไม้” แต่จะบีบปากแน่นกว่า ภาษาไทยจะใช้ริมฝีปากบนล่างด้านในสัมผัสกันเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียง แต่ของฝรั่งจะบีบแรง ๆ พอจะเปล่งเสียงต้องใช้ลมดันให้ระเบิดออกมา ลองพูด bomb , baby , but , bubble , bit
ตัว C ออกเสียงได้ 2 เสียง “ซ” ก็ได้ “ค” ก็ได้ แต่ไม่เหมือนไทย เราต้องใช้ท่าฉีกยิ้มจนลมผ่านด้านข้างแก้มกับฟัน แล้วจึงออกเสียง “ซ” เช่น cell , cycle , civic หรือ “ค” เช่น cat , car , comb
ตัว D ใช้ท่าหมากฝรั่งติดเพดานปากแล้วพูด “ด” แต่ให้ลิ้นดันเพดานแรง ๆ พร้อมห่อปากเล็กน้อย โปรดสังเกตว่า “ด “ ในภาษาไทยใช้แค่ปลายลิ้นแตะเพดานบนเบา ๆ เท่านั้น ไม่เหมือนกันใครทำไม่ได้ ให้สังเกตว่ากำลังใช้ปลายลิ้นหรือด้านบนของลิ้นฃ่วงสุดปลายดันเพดาน ถ้าทำอย่างแรกเสียงจะไม่ค่อยเล็ดลอดออกมา ถ้าทำอย่างหลังเป็นวิธีที่ถูก เสียง จะออกมาชัดเจน เช่น dog , dear , dad , dime , dump
ตัว E ใช้วิธีฉีกยิ้มและพ่นลมออกมาจากลำคอพร้อมเปล่งเสียง “อี” เช่น eel , evening (อีฟ-นิ่ง ไม่ใช่ อีฟ-เวน-นิ่ง) หรือ “เอะ” เช่น Evans (เอฟ-วึ่นส์ ไม่ใช่ อี-วานส์) elephant (เอล-ฟึ่น ไม่ใช่ อี-เล-เฟ่น)
ตัว F ใช้ฟันบนจิกลงบนริมฝีผากล้างด้านใน แล้วพ่นลมผ่านไรฟันออกมาก่อนเสียงสระ เช่น fat เฟอะ-แอ็ท fun เฟอะ-อัน ผิดกับภาษาไทยที่เปล่งออกมาพร้อมกันทั้งพยัญชนะต้น สระ ตัวสะกด ลองออกเสียง free , film , fame , foot , fume
ตัว G คือ “จ“ แต่ยื่นปากมากกว่าภาษาไทยหน่อยหนึ่ง เช่น George , gentle , gym บางครั้งก็ออกเสียงเป็น “ก” ก็ให้ยื่นปากก่อนพูด “ก” เป็นใช้ได้ เช่น girl , gold , grab
ตัว H (โปรดทราบ หนึ่งชื่อ เอช นะเจ้าคะ ไม่ใช่ เฮ็ด คุณครูไทยชอบสอบให้อ่านว่า เฮ็ด ไม่รู้ให้ไปเฮ็ดหยัง) เวลาเรียกตัว H ให้พูดว่า เอช แล้วจบเสียงด้วยท่ายื่นเผยอปากค้างไว้ ระวังริมฝีปากต้องเผยอเกร็งไว้ มิฉะนั้นเสียงจะเพี้ยนเวลาออกเสียงในคำจะคล้าย “ฮ” แต่ต้องมีการพ่นลมออกมาจากลำคอเหมือนถอนหายใจ ลองดู hot , hat , hip , hello , him
ตัว I อ่านว่า “ไอ” ธรรมดา แต่อ้าปากกว้าง ๆ หน่อย ปล่อยลมออกมาจากคอหน่อย แค่นี้ก็ชัดแล้วว่า I ตัว I นี้ออกเสียง “ไอ” หรือ “อิ” เช่น islands (อ่านว่า ไอ-ลึ่น ไม่ใช่ ไอ๊ส์-แลนด์) idea , ivory , inside , impossible , itch
ตัว J ก็คือ “จ” แต่พูดแบบค่อย ๆ ยื่นปากจีบปากเค้นเสียงออกมาเหมือนเวลาเราเปรี้ยวปาก คือกระแดะกว่าปกติหน่อยแล้วจะดี ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดูสิคะ แล้วนึกถึงอะไรเปรี้ยว ๆ ด้วย joy , james , june , jeans , jelly
ตัว K คือตัว “ค” (ขอประทานโทษ) ขากเสลด วิธีเปล่งเสียงให้ค่อย ๆ พ่นลมผ่านลำคอให้ขึ้นไปกระทบเพดานปากเยื้องมาทางด้านหลังของเพดาน แล้วเปล่งเสียง “ค” โปรดสังเกตว่าต้องพ่นลมออกมาก่อนเสียง “ค” นะคะ ลองพูด kite , kate , kid , key , kind
ตัว L นี้เป็นตัว “เสียงลม” ตัวปัญหา เพราะคนไทยเข้าใจว่านี่คือเสียง “ล” แต่จริง ๆ แล้วมันไม่เหมือนกันซะทีเดียว ลองพูด “ล” ของไทยดูนะคะ ลิ้นจะอยู่ที่เพดานข้างหลังฟัน แต่จะไม่โดนฟัน วิธีเปล่งเสียง ต้องฉีกยิ้มไว้เสมอ มิฉะนั้นเสียงจะไม่ออก คือยิ้มสู้ก่อนพูดว่างั้นเถอะ แล้วเอาปลายลิ้นแตะด้านหลังฟันหน้าบริเวณโคนฟันและเหงือก แล้วดีดลิ้นลงก่อนออกเสียงสระ ถ้าเอาลิ้นแตะค้างไว้ เสียงจะไม่ออกนะคะ เช่น love (เล่อะ-เอิฟ) long (เล่อะ-ออง) ถ้าตัว L เป็นตัวลงท้ายในคำตรงนี้ขอทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า L ไม่ใช่ “ล” เพราะฉะนั้นไม่ใช่ตัวสะกดในแม่กน ตัว L คือตัวปิดเสียงเท่านั้น ลองเรียกชื่อตัว L ดูสิคะ เราต้องเปล่งเสียง “แอ…” ลากยาวจนซะใจ อยากจะจบเมื่อไหร่ให้ฉีกยิ้มกระดกลิ้นแตะโคนฟันหน้าบนแล้วดีดกลับ (แต่ยังยิ้มค้างไว้นะจ๊ะ) ก็จะได้ L ที่ถูกต้อง ระวัง ถ้าออกเสียงเป็น “แอน” หรือ “แอว” ไม่ถูกนะคะ
ตัว M นี่ก็เป็นตัวเสียงลมอีกตัวหนึ่งที่ไม่เหมือน “ม” ของไทย ตัวนี้เราต้องบีบริมฝีปากล่างเข้าหากัน แล้วเปล่งเสียง “ม” ให้ระเบิดออกมาเช่น man , more , many , meet , main , Monday ถ้าเป็นตัวสะกดก็ให้ระเบิดลมออกมาท้ายคำด้วยทุกครั้งเช่น ham (แฮม-หมึ) home (โฮม-หมึ) arm (อาร์ม-หมึ)
ตัว N เป็นเสียงลมอีกตัวหนึ่ง เวลาออกเสียงจะใช้เทคนิคแสยะยิ้ม หรือยื่นขากรรไกรล่างออกมาเล็กน้อย ให้สังเกตว่าคอด้านหน้าจะตึง ๆ ลักษณะเหมือน “เถียงคอเป็นเอ็น” นั่นแหละ ลองออกเสียง no , not , never หรือถ้าเป็นคำลงท้ายก็ให้แสยะยิ้มตอนจบเช่น non , coin , fun
ตัว O นี่ต้องอาศัยความกระแดะนิดหน่อยจะออกเสียงได้เพราะมาก ให้ออกเสียง “โอ” อ้าปากกว้าง ๆ และเผยอเกร็งริมฝีปากบนล่างไว้ให้ดี แล้วค่อย ๆ ทำปาก ให้แคบลง แต่ยังเผยอค้างไว้เสมอ ถ้านึกไม่ออก ให้ดูพวกดารากะเทยตามละครน้ำเน่านั่นแหละ ชัดเลย ลองออกเสียง over , oil (โอ-อิล), on , of
ตัว P ก็ใช้วิธีบีบปากบนล่างเข้าหากัน แต่คราวนี้ให้เม้มด้วย เหมือนเวลาที่ผู้หญิงทาลิปสติกแล้วต้องเม้มปากเพื่อเกลี่ยสีให้เท่ากันนั่นแหละ แล้วก็พ่นลม “พ” ออกมาลองทำดู แล้วให้ยกมือให้ห่างปากสักหนึ่งฟุต ถ้าทำถูกจะต้องรู้สึกถึงลมที่พ่นออกมาปะทะฝ่ามือ เช่น pepper , papa , peter ,paul , pan , pot
ตัว Q อ่านว่า “คิยู” ตัวนี้ไม่ใช่ “คว” ควบกล้ำแบบภาษาไทย แต่เป็นตัว “ค” โดด ๆ เช่น queue อ่านว่า “คิยู” หรือ “ค” และ “ว” พูดแยกกัน เช่น queen (คะ-วีน) quota (คะ-โว-ท่า ไม่ใช่ โคต้า หรือโควต้า) quality (คะ-วอล-ลิ-ที่)
ตัว R ตัวนี้เป็นปัญหาของคนไทย เพราะความเข้าใจผิดกันมาแต่สมัยก่อนที่คุณครูสอนว่า ตัว R เทียบเท่ากับ “ร” ครูเคทจะเทียบให้ฟังนะคะว่ามันไม่เหมือนกันอย่างไร ร เรือของไทย เวลาเปล่งเสียง เราต้องกระดกลิ้นขึ้นแตะเพดานปากเกร็งไว้เล็กน้อย เมื่อพ่นลมผ่านระหว่างลิ้นกับเพดาน ลิ้นจะมีอาการพลิ้วเล่นลมเล็กน้อย แต่การเปล่งเสียง R ไม่ได้มีการใช้ลิ้นช่วยในการเปล่งเสียงแต่อย่างใด คือวางลิ้นไว้ในที่ปกติของมันนั่นแหละ อย่าเอามันมายุ่งให้วุ่นวาย แต่ให้ห่อปากแบบยื่นออกมาด้านหน้าเหมือนทำปากหมูนั่นแหละ แล้วเผยอริมฝีปากบนล่างเกร็งไว้ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
อย่าลืมว่าตัว R นี่เป็นเสียงลม ไม่ใช่เสียงจริง เวลาออกเสียงพยัญชนะต้น ให้ยื่นปากเผยอริมฝีปากเตรียมไว้เหมือนจะพูดว่า “อู” แล้วเปล่งเสียงสระตัวสะกดตามมา เช่น red (อู-เรด แต่ไม่ต้องพูด “อู” ออกมาจริง ๆ หรอก) read (อู-รีด) real (อู-รี-อัล) ถ้าเป็นตัวสะกดให้พูดพยัญชนะต้นและสระให้สะใจ แล้วจึงจบคำด้วยท่าปากหมูค้างไว้ ก็จะได้เสียง R ตามที่ต้องการ เช่น dear (เดีย ..(ปากหมู) air (แอ (ปากหมู)) far (เฟอะ-อา (ปากหมู))
ตัว S คือตัวเสียงลมอีกตัว เวลาออกเสียงให้ฉีกยิ้มแล้วพ่นลมผ่านไรฟัน ไม่ต้องเอาลิ้นออกมานะคะ คนบางคนพูด ส ไม่ชัด เพราะเอาลิ้นออกมาแตะฟันหน้าด้านในด้วยซึ่งเป็นการออกเสียงที่ผิดทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ลมที่ออกมาต้องยาวนานกว่าภาษาไทยสัก 2-3 วินาที S ไม่ใช่ ส แต่จงปล่อยให้เสียงเกิดเองตามธรรมชาติจากการพ่นลมลองออกเสียง sand (ซซซซซ แอ-เนอะ-ดึ) stick (ซซซซ ทิค-คึ) โปรดสังเกตุว่าให้ออกเสียงลม ซซซซ เท่านั้น ไม่ต้องออกเสียง “สะ” เหมือนสบาย สบู่ เคล็ดลับยิ้มเข้าไว้ เสียงจะชัด
เวลาออกเสียง S เป็นตัวสะกดนี่ก็เหมือนกัน เมื่อ S ไม่ใช่ “ส” เพราะฉะนั้นไม่ใช่ตัวสะกดในแม่กด ไม่ต้องพยายามช่วยสะกดให้เขา เพียงแต่ฉีกยิ้มพ่นลมออกมาเมื่อจบคำเท่านั้นก็พอ เช่น goes อ่านว่า โก ซซซซซ ….. ไม่ใช่ โกซ. อย่างที่คนไทยชอบพูด ลองหัดออกเสียง kiss , peas ,as
ตัว T เทคนิคเหมือน D คือเอาลิ้นดดันเพดานเหมือนลูกอมติดเพดาน แล้วเอาลิ้นดันออกแรงๆ แล้วเปล่งเสียง”เถอะ” เช่น Tom , tear , toy , top ถ้าเป็นตัวสะกดก็ให้ออกเสียง”เถอะ” ชัดๆหลังคำ ลองฝึก tent , hit , cut , not
ตัว U ออกเสียง”อุ” “อะ” โดยออกเสียงในลำคอ เช่น ultra (อุลทร้า หรืออัลทร้า ก็ได้) หรือบางครั้งก็ออกเสียงยู เช่น under , umbrella, หรือบางครั้งก็ออกเสียงยู เช่น universal, unilateral, unit
ตัว V ออกเสียง”ว” แต่ให้เอาฟันบนจิกลงที่ริมฝีปากล่างด้านในส่วนที่ไม่ทาลิปสติก แล้วพ่นลมผ่านไรฟันและริมฝีปาก คือออกเสียง”ว” และพยายามพ่นลมผ่านไรฟันพร้อมๆกันระวังอย่าให้ออกเป็นเสียง”ฟะ” ลองออกเสียง van, vary, vegetable (เว็จ-ทะ-บึล ไม่ใช่เว็ด-เจ็ด-เท-เบิ้ล)แต่ถ้าเป็นตัวยสะกดให้สะกดให้ออกเสียง”ฟ” เช่น leave (ลีฟ) , give, glove
ตัว W อ่านว่า ดับบึลยู ไม่ใช่ ดับบลิว นะเจ้าคะ ตัวนี้ออกเสียงเหมือน ว แหวน ของไทยเลย ไม่ต้องกระแดะบางคนเวลาพูด W กระแดะไปนิด เลยเพี้ยนไปเลย เช่น จะเรียกพี่วิลลี่ แมคอินทอช เลยกลายเป็น villy ฟังแล้วคันหูคะ เทคนิคเล็กน้อยที่จะทำให้ชัดขึ้นคือ ยื่นปากงุ้มลงเล็กๆก็ใช้ได้แล้ว เช่น Willy, will, wonder ถ้าเป็นตัวสะกดก็ยื่นปากเข้าไว้ เช่น low, few, wow
ตัว X อ่านว่า เอ็กซ์ ถ้าเป็นพยัญชนะต้น ออกเสียงคล้าย S แต่เพิ่มแรงสั่นสะเทือนในเสียงให้มากขึ้น เช่น Xerox, xylophone ถ้าออกเป็นตัวสะกดให้ออกเสียงตัวสะกดในแม่กก แล้วจึงตามด้วย ซซซ….เช่น box , fox, fax
ตัว Y ใช้เทคนิคแสยะยิ้ม พยายามยื่นขากรรไกรล่างออกมาสบหน้าฟันบน เช่น yes, yellow, yeild ถ้าเป็นตัวลงท้ายออกเสียงเป็นตัวสระอิหรือสระอี เช่น jelly, really, pretty
ตัวสุดท้าย(ซะที) คือตัว Z ตัวนี้ตั้งท่าเหมือนตัว S แต่ให้กัดฟันแรงกว่าเล็กน้อย แล้วพ่นลมผ่านไรฟันให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากๆ จนรู้สึกคัน ๆ ที่ฟันนั่นแหละใช้ได้เลย ลองดู zebra, zoo, buzz